การดูแลนกกรงหัวจุก



การดูแลนกกรงหัวจุกในแต่ละวัน                                               
                                                                                                                                   
ผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกต้องเอาใจใส่ดูแลนกด้วยตนเอง และต้องสังเกตกิริยา อาการ ท่าทางของนกในแต่ละวัน เมื่อนกมีปัญหา ไม่สบายหรือแสดงอาการผิดปกติ จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ซึ่งการดูแลนก

ผู้เลี้ยงนกกรงหัวจุกต้องเอาใจใส่ดูแลนกด้วยตนเอง และต้องสังเกตกิริยา อาการ ท่าทางของนกในแต่ละวัน เมื่อนกมีปัญหา ไม่สบายหรือแสดงอาการผิดปกติ จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ซึ่งการดูแลนกกรงหัวจุกในแต่ละวันมีขั้นตอน ดังนี้

อาหาร ในตอนเช้า เปิดผ้าคลุมกรงนกออก แล้วเปลี่ยนอาหารให้นกกินใหม่ โดยการผ่ากล้วยน้ำว้าสุก, มะละกอสุก, มะเขือเทศสุก, ลูกตำลึงสุก, แตงกว่า, บวบ ออกเป็นครึ่งลูก หรือทำเป็นชิ้นๆ ถ้าเป็นลูกตำลึงสุกก็ให้ทั้งลูกได้เลย การให้อาหารควรจะสลับกันไปวันละ 2 ชนิด เพื่อกันไม่ให้นกเบื่ออาหาร สำหรับอาหารเม็ดก็ใส่ไว้ในถ้วยอาหาร อาจจะไม่ต้องให้ทุกวัน

ให้สังเกตดูขี้นก ในตอนเช้า เมื่อเปิดกรงนกกรงหัวจุก ให้สังเกตดูขี้นก หากขี้เป็นแบบขี้จิ้งจก คือเป็นเม็ดสีขาวดำ แสดงว่านกเป็นปกติ แต่ถ้าขี้นกเป็นขี้เหลวหรือขี้เป็นน้ำ ก็แสดงว่านกเป็นโรคต้องรีบรักษาทันที


น้ำ ให้เอาน้ำเก่าทิ้งไป แล้วะเอาน้ำใหม่ใส่ให้เกือบเต็มถ้วย เพราะน้ำเก่าอาจจะสกปรก

นำนกกรงหัวจุกไปตากแดด ในตอนเช้า ผู้ที่เลี้ยงนกกรงหัวจุกจะต้องรู้วิธีการยกกรงนกไปแขวน โดยมีวิธีการยกคือ มือหนึ่งจะต้องปิ้วที่ตะขอกรงนก เมื่อไปถึงชายคาบ้าน หรือราวที่จะแขวนกรงนก หรือกิ่งไม้ หรือราวที่ฝึกซ้อม และราวที่จะแขวนนกประกวดแข่งขันแล้ว ก็ใช้มือข้างที่ถนัดจับที่มุมกรงมุมใดมุมหนึ่งที่เป็นเสากรง ห้ามจับที่ซี่ลูกกรง เพราะซี่ลูกกรงจะบอบบางไม่แข็งแรงและหักได้ จากนั้นก็ยกกรงนกขึ้นชู โดยดูที่ตะขอแขวนนกว่าตรงกับที่แขวนหรือราวแล้วหรือยัง ถ้าตรงกับที่แขวนและราวแล้ว ก็ให้ปล่อยมือลง ข้อควรระวัง อย่าแขวนนกที่มีอายุน้อยใกล้กับนกที่มีอายุมาก ซึ่งนกที่มีอายุมากจะข่มขู่นกที่มีอายุน้อยกว่า เพราะนกสามารถจะจำเสียงได้ และจะตื่นกลัว การที่นำนกไปแขวนไว้นี้ เพื่อให้นกได้กระโดดไปมาออกกำลังกายและเพื่อให้นกร้อง จนถึงตอนบ่าย จึงจะเก็บนกไว้ในที่ร่มต่อไป ถ้าเป็นลูกนกและนกหนุ่ม ค่อยๆ เพิ่มเวลาแขวนตากแดดวันละ 1 ชั่วโมง เป็นวันละ 2 ชั่วโมง และตากแดดได้นานขึ้นจนนกเคยชิน เพราะเวลานกกรงหัวจุกเข้าประกวดแข่งขันต้องใช้เวลา 5-6 ชั่วโมง กว่าจะประกวดเสร็จ เพราะนกต้องตากแดดตลอดเวลาการประกวด


เก็บนกไว้ในที่ร่ม หลังจากให้นกตากแดดตั้งแต่ตอนเช้าจนถึงตอนบ่าย ก็ให้เก็บนกและกรงนกไว้ในที่ร่ม ให้ทำความสะอาดกรง และอื่นๆ ดังนี้ 1. ทำความสะอาดกรงนก โดยเปลี่ยนตัวนกกรงหัวจุกไปไว้กรงอื่น เป็นการสอนนกไม่ให้เลือกกรงและเคยชินต่อการเปลี่ยนกรง จากนั้นก็ให้ทำความสะอาดกรงนกที่เห็นว่าสกปรก ถ้ากรงนกสะอาดดีแล้วก็ไม่ต้องทำความสะอาด 2. ทำความสะอาดตะขอที่เกี่ยวอาหาร 3. ทำความสะอาดถ้วยใส่น้ำ 4. ทำความสะอาดถ้วยใส่อาหารเม็ด 5. ล้างถาดรองขี้นกใต้กรง 6. ให้อาหารและน้ำนกเหมือนเดิม 7. ให้นกอาบน้ำ เมื่อนำนกไปเก็บไว้ในที่ร่ม ก็ให้นำกล่องพลาสติกหรือขันอาบน้ำใส่ไว้ในกรง ใส่น้ำลงไป นกก็จะอาบน้ำเอง ถ้านกตัวไหนไม่ชอบอาบน้ำ ก็จะใช้ขวดแบบสเปรย์ฉีดน้ำเป็นฝอยให้ทั่วตัวนก จากนั้นนกก็จะเคยชินและอาบน้ำเองได้ เมื่อนกอาบน้ำเสร็จก็จะไซร้ขน เพื่อทำให้ขนสะอาดและแห้งไม่คันตัว แล้วก็เทน้ำที่ขันอาบน้ำนกทิ้งไป แล้วคว่ำขันลง ทิ้งขันอาบน้ำนี้ไว้ในกรง นกเมื่อได้อาบน้ำแล้วจะมีความสุข มีอารมณ์ดีแจ่มใส และร้องเพลงได้ดีเหมือนคนคือถ้าได้อาบน้ำแล้วจะรุ้สึกสบายตัว 8. ให้นำนกไปแขวนไว้ที่ชายคาบ้าน หรือราว หรือกิ่งไม้ไว้เหมือนเดิม ใช้ช่วงเวลาประมาณ 15.00 - 16.00 น. ซึ่งจะเป็นแดดอ่อนๆ ไม่แรงมากนัก ให้นกได้ตากแดดในช่วงเช้าและช่วงเย็น เพราะแสงแดดมีวิตามินดี ทำให้กระดูกของนกแข็งแรง และเพื่อให้นกขนแห้งสนิทเมื่อได้ตากแดดขนก็จะฟูสวยงามเป็นเงาและไม่คันตัว กรงนกก็จะแห้งและไม่ขึ้นรา อายุการใช้งานของกรงก็นานขึ้น 9. หลักจาก 16.00 น. ในช่วงใกล้ค่ำ ให้เก็บนกเข้าบ้าน ปิดผ้าคลุมกรงนกจะได้พักผ่อน เวลานกนอนจะชอบความสงบ ไม่ชอบให้มีเสียงรบกวน






ลักษณะทั่วไปของนกกรงหัวจุก


แก้มและคอจนถึงหน้าอกจะมีสีขาวและมีสีแดงเป็นเส้นอยู่ข้างหูลงมาถึงหน้าอกเหมือนเป็นเส้นแบ่งขนสีขาวกับสีดำที่มีอยู่ทั่วทั้งตัว ขนส่วนหัวจะร่วมกันเป็นเหมือนหน่อตั้งอยู่บนหัวสูงขึ้นไปเหมือนหัวโขน ใต้ท้องมีขนสีขาวนกปรอดหัวโขนเคราแดง หรือนกกรงหัวจุกนั้นทางภาคใต้นิยมเลี้ยงกันมายาวนานแล้ว และสืบทอดกันมาชั่วลูกหลานจากรุ่นหนึ่งไปสู่อีกรุ่นหนึ่ง จนเรียกได้ว่าการเลี้ยงนกกรงหัวจุกเป็นวัฒนธรรมพื้นบ้านหรือเป็นเกมกีฬาอย่างหนึ่งของคนภาคใต้ไป
แล้วและไม่ปรากฏหลักฐานใดๆ ว่าคนทางภาคใต้เริ่มเลี้ยงมาตั้งแต่เมื่อใด แต่มีหนังสือนกกรงหัวจุกเล่มหนึ่งโดยมีคุณศักดาท้าวสูงเนินเป็นบรรณาธิการได้รวบรวมและเขียนเอา
ไว้ว่าการเริ่มเลี้ยงนกปรอดประเทศสิงคโปร์ น่าจะเป็นชาติแรกที่นิยมเลี้ยงนกปรอดก่อนประเทศอื่นๆ และได้ให้ความสำคัญกับนกชนิดนี้มาถึงกับเอารูปนกปรอดหัวโขนเคราแดงมาเป็นสัญลักษณ์ในการพิมพ์ธนบัตรใช้จ่ายภายในประเทศ ดังนั้น จึงขอสันนิษฐานว่าน่าจะเลี้ยงก่อนชาติอื่นๆส่วนในประเทศไทยเริ่มมีการเลี้ยงนกกรงหัวจุกกันมานานแล้วประมาณว่าเกินกว่า 40 ปีมาจนถึงปัจจุบันนี้ ได้มีการพัฒนาการเลี้ยงและการแข่งขันประชันเสียงออกเป็นชนิดต่างๆ เช่นมีทั้งการแข่งขันประชันเสียงในประเภทนับดอก คือให้คะแนนตามที่นกร้องออกมาเป็น
คำละคะแนน ประเภทสากล ประเภทเสียงทอง และในปัจจุบันก็ไม่ปรากฏว่ามีการแข่งขัน
ประเภทตีกันการแข่งขันนกกรงหัวจุกได้รับการยอมรับว่าเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่มีผู้คนให้
ความสนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมีการจัดงานแข่งขันประชันเสียงกันทั่วประเทศ
ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯภาคกลางภาคเหนือภาคอีสานภาคใต้ในแต่ละสัปดาห์จะมีรายการ


แข่งขันทั้งประเทศไทยไม่ต่ำกว่า5 สนามมีชมรมฯต่างๆ ที่เกี่ยวกับนกกรงหัวจุกทั่ว
ประเทศนับเป็นร้อยๆ ชมรมฯ และสิ่งที่ยิ่งใหญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือ การได้รับการโปรดเกล้าพระราชทานถ้วยเป็นรางวัลแก่ผู้ที่ชนะการแข่งขัน
มีตั้งแต่ถ้วยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวถ้วยของพระบาทสมเด็จพระบรมราชินีนาถ

ซึ่งสร้างความปราบปลื้มและเป็นเกียรติยศแก่วงศ์ตระกูลของผู้ที่ได้ครอบครองถ้วยพระราชทาน






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น